ทริปคินาบาลูเป็นอีกทริปในฝันของผมมานานแล้วจากการได้เห็นรูปใน internet ที่เกี่ยวกับคินาบาลูทำให้ผมอยากจะไปพิชิตยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่า “เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” และเมื่อปีที่แล้วได้เวลาประจวบเหมาะที่สายการบินเจ้าประจำราคาประหยัดของผมก็คือ “Airasia” ได้ออกโปรโมชั่นประจำปีออกมา ผมไม่รีรอจึงทำการได้รวบรวมสมัครพรรคพวกผู้กล้าในการไปพิชิตยอดเขาคินาบาลู การไปครั้งนี้ผมเริ่มจากภูเก็ตบินตรงไปยังกัวลาลัมเปอร์ และจาก กัวลาลัมเปอร์ ต้องต่อเครื่องไปเมืองโคตาคินาบาลู

สำหรับทริปนี้เป็นทริปที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตของผมเลยทีเดียว ต้องเดินขึ้นยอดเขาที่มีความสูง 4,095.2 เมตร เป็นอีกทริปที่ผมจะจดจำมันไม่ลืมเลย วันแรกเราต้องเดินเท้าใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงเพื่อให้ถึงที่พัก Laban Rata Resthouse แล้ววันรุ่งขึ้นต้องตื่นตอนตี 3 เพื่อเดินขึ้นไปยังยอดสูงสุดของคินาบาลู ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงมันเป็นอะไรที่เหนื่อยสุดๆผมทำได้แค่ “South Peak” มีความสูง3,933 เมตร ไม่สามารถถึงยอดสูงสุด “Low Peak” เหนื่อยจริงๆ หลังจากเดินลงจากยอด “South Peak” แล้วเราต้องเดินกลับลงมายังอุทยานอีก 8 ชั่วโมง หลังจากพวกเราก็หาที่พักกันในเมืองคินาบาลู 2 คืนแล้วต่อเครื่องกลับไปยัง KL นอนพัก

Mount Kinabalu หรือภาษามาเลย์ Gunung Kinabalu ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ที่รัฐซาบาห์ (รัฐนี้มีเมืองหลวง คือ โกตา คินาบาลู) เป็นมรดกโลกแห่งแรกของมาเลเซียจากยูเนสโก มีความสูง 4,095 เมตร เซอร์ฮิว โลว์ (Sir Huge Low) คือนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้บุกเบิกสำรวจคินาบาลูเป็นบุคคลแรกเมื่อปี พ.ศ.2394 จวบจนปี พ.ศ.2507 รัฐบาลมาเลยเซียจึงประกาศคุ้มครองภูเขาคินาบาลูและผืนป่าโดยรอบในรูปแบบของอุทยานแห่งชาติ

ติดตามชมรีวิวทั้ง 3 ตอนของทริปนี้ :

พิชิตยอดเขาคินาบาลู มาเลเชีย Mount Kinabalu ตอนที่1

พิชิตยอดเขาคินาบาลู มาเลเชีย Mount Kinabalu ตอนที่2

พิชิตยอดเขาคินาบาลู มาเลเชีย Mount Kinabalu ตอนที่3

สำหรับการเดินทางของผมครั้งนี้ใช้สายการบินเจ้าประจำกับโปรที่ออกมาทุกปีก็คือจองปีนี้ บินปีหน้า การเดินทางไปคินาบาลูแอร์เอเชียจะไม่มีเที่ยวบินบินตรงไปยังเมืองโคตาคินาบาลู ถ้าบินจากกรุงเทพต้องไปต่อเครื่องไปลงที่ KL และต่อไฟล์ไปโคตาคินาบาลู การเดินทางของผมเริ่มจากภูเก็ตบินไปลง KL แล้วต่อไฟล์ไปยังเมืองโคตาคินาบาลูในช่วงบ่าย

Wed 13 Jun 2012 AK 823 HKT (HKT) 08:15 KUL (KUL) 10:35
13 Jun 2012 AK5108 LCC terminal 12.50 Tokakinabalu T2 15.20

17 Jun 2012 AK5103 10.50 KUL 13.25
Mon 18 Jun 2012 AK 828 KUL (KUL) 20:40 HKT (HKT) 21:05

แล้วพวกเราถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) แต่สายการบินแอร์เอเชียลง Termial ของสายการบินต้นทุนต่ำ LCCT (Low Cost Carrier Terminal) สภาพของ LCCT เหมือน บขส บ้านเราดีๆนี่เองลดต้นทุนทุกอย่างจริงๆ หลังจากพวกเรารับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินมายังอีกฝั่งของ LCCT เพื่อต่อเครื่องเพื่อเดินทางไปยัง โคตาคินาบาลู สำหรับ LCCT มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือสามารถใช้อินเตอร์เน็ต WiFi ได้ฟรี

เรามาถึงเมืองโคตาคินาบาลูใช้เวลาใช้เวลาบินประมาณ สองชั่วโมงกว่าๆ สนามบินเป็นสนามบินเล็กๆอาคารเทอร์มินอลมีอาคารเดียวสองชั้นสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำโดยเฉพาะอีกเช่นเคย

การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติคินาบาลูเราต้องจองที่พักบนอุทยานล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนเพราะทางอุทยานจะจำกัดนักท่องเที่ยวต่อวัน วันล่ะ 200 คน จะจองโดยตรงกับอุทยานหรือว่าจะจองผ่านเอเจนซี่ได้เลย การจองกับอุทยานจะได้ราคาถูกแต่มักจะเต็มเร็ว สำหรับของผมครั้งนี้จองกับอุทยานไม่ทันเลยต้องจองกับเอเจนซี่ราคาอยู่ที่ 1160 RM. ต่อคนราคานี้รวมรถรับจากสนาบินส่งที่อุทยานแห่งชาติคินาบาลู ที่พัก อาหาร และ ไกด์ พร้อมเสร็จ

เรามาถึงที่พักอุทยานเกือบจะ 1 ทุ่มแล้วได้ทำการ Checkin ที่บ้านพักอุทยานจากนั้นก็ได้คูปองทานอาหารค่ำเป็นแบบบุฟเฟ่รวมอยู่ในแพคเกจที่เราซื้อกับเอเยนต์เรียบร้อยแล้ว

จากการสันนิฐานของผมการจัดการที่พัก ร้านอาหารของอุทยานแห่งชาติคินาบาลูน่าจะเป็นการสัปทานของบริษัทเอกชน บริษัท SuteraHarbour มีการบริหารจัดการที่ดีที่พักสะอาด อาหารอร่อย ผมได้ลองเสริท์หาชื่อ SuteraHarbour ใน Google ดูปรากฏว่าเป็นบริษัทที่ทำพวกโรงแรม รีสอร์ต ในมาเลย์เซีย

ที่พักของพวกเราคืนนี้คือ Sutera Sanctuary Lodges ห้องที่ได้เป็นห้องดอร์มหรือโรงนอน รวม 6 เตียง ห้องน้ำรวม ห้องน้ำสะอาดมีเครื่องทำน้ำอุ่น สำหรับอาบน้ำ

บ้านพักจะมีหลายหลังจะอยู่ในบริเวณใกล้ๆกันเป็นการบริหารจัดการโดย Sutera Harbour Resort

เช้าวันรุ่งขึ้นจากที่พักทางอุทยานจะมีบริการรถตู้จากที่พักมายัง รีเชฟชั่น พวกเรา Check Out ออกจากที่พักและได้ฝากสัมภาระบางส่วนไว้ที่รีเชฟชั่น แล้วเอาของที่จำเป็นไป เตรียมตัวเดินขึ้นคินาบาลู

หลังจาก Check Out เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทางพวกเราเติมพลังงานด้วยอาหารเช้าที่ร้านอาหารของอุทยาน

กระเป๋าใบนี้เป็นเสบียง อาหารกลางวันของพวกเราทางร้านอาหารอุทยานจะเตรียมให้พวกเราคนล่ะกระเป๋า อาหารที่บรรจุในกระเป๋าก็จะมี แซนวิช 1 อัน ไข่ต้ม 2 ฟอง แอปเปิ้ล 1 ลูก กล้วย 1 ลูก แล้วก็น้ำดื่ม 1 ขวด

หลังจากที่พวกเรารับประทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะได้เดินขึ้นเขาคินาบาลู พวกเราต้องไปพบกับไกด์ที่จะพาเราไปยังยอดเขาและทำการเช็คชื่อ โดยทางอุทยานจะออกป้ายชื่อแขวนคอให้ทุกคนโดยต้องแขวนติดตัวไว้ตลอดเวลาจะมีจุด check point คอยตรวจบัตรด้วย

ได้เวลาพิชิตยอดเขาพิสูจน์ความอดทนกันแล้ว พวกเราในทริปนี้มีด้วยกัน 5 คน.. แต่ละคนไม่รู้ชะตาอนาคตของตัวเองเลย 55 ว่าจะเดินขึ้นถึงยอดเขาหรือไม่
จุดเริ่มของการเดินทางพิชิตคินาบาลู เริ่มต้นที่ Timpohon Gate (1,866 เมตร) จุดที่เราจะเดินกันจุดแรกไปจนถึง 4,095 เมตร โดยไกด์บอกว่าใช้เวลาเดินด้วยเท้าช้าสุดใช้เวลา 8 ชั่วโมง

ไกด์ของพวกเราชื่อ ไกด์ลี (Lee) เป็นทั้งไกด์และลูกหาบ ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีผมเคยถามเขาว่าอาทิตย์หนึ่งเดินขึ้นลงคินาบาลูกี่ครั้งเขาตอบว่าอย่างน้อย 2 ครั้งต่ออาทิตย์ โอ๊วแข็งแรงจริงๆพ่อคนนี้

ก่อนเดินทางไกด์ก็จะอธิบายเส้นทางการเดินทางให้ทราบก่อนออกเดินสำหรับพวกเราครั้งนี้เลือกการเดินขึ้นเขาทาง Timpohon Gate เป็นเส้นทางที่ง่ายและใกล้กว่า

การเดินทางขึ้นยอดเขาคินาบาลู มี 2 เส้นทางด้วยกันคือ
1. Timpohon Gate เป็นรูทปกติ ที่นักปีนเขานิยมขึ้นกันครับ เพราะง่ายกว่า ใกล้กว่า และผ่านน้ำตก Carson’s Fall ชื่อดังของที่นี้

2.Mesilau Gate เป็นรูทที่ไกลกว่า แต่เค้าว่ากันว่า สวยกว่า เห็นธรรมชาติมากกว่า เดินนานกว่ารูทแรก 2-3 ชั่วโมง

เราเดินกันได้สักพักก็จะเจอน้ำตก

ระหว่างเส้นทางเดินทางเราจะพบกับ “ลูกหาบ” คนพวกนี้จะรับจ้างแบกของ กระเป๋าสัมภาระของนักท่องเที่ยวเดินขึ้นลงแบบสบายๆ

อาหารกลางวันของเรามื้อนี้ที่ทางอุทยานเตรียมไว้ให้พวกเรา

วิวระหว่างทางเขาคินาบาลูจะเป็นภูเขาหินแกรนิต

ต้นไม้ข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ระหว่างทาง

วิวจากที่สูง

เราใช้เวลาเดินเกือบ 7 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่พัก Laban Rata Resthouse ที่ความสูง 3200 เมตร คืนนี้เราพักเอาแรงกันที่นี่เพื่อวันรุ่งขึ้นเราจะได้ไปยังยอดคินาบาลู

บรรยากาศบริเวณร้านอาหาร

ตอนแรกลาด้วยรูปแสงเย็น

ขอจบตอนแรกไว้แค่นี้ก่อนน่ะครับไว้ติดตาม ทริปพิชิตยอดเขาคินาบาลู ตอนที่2 ผมได้เลยครับ